เคล็ดลับจัมพ์แบตเตอรี่ให้ปลอดภัย เวลาขับรถบนท้องถนน ความปลอดภัยในการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด แต่บ่อยครั้งก็มักเกิดปัญหาไม่คาดคิดโดยเฉพาะปัญหาแบตเตอรี่หมด ที่ทำให้ระบบเครื่องยนต์หยุดชะงัก และเป็นปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขเฉพาะหน้า ด้วยวิธีการต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ หรือที่เรียกกันติดปากว่าจัมพ์แบตเตอรี่ เพื่อให้เกิดกำลังไฟเพียงพอที่จะทำให้ระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ทำงาน และสามารถเดินรถต่อไปได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ การจัมพ์แบตเตอรี่สามารถทำได้เอง แต่ต้องระมัดระวัง เพราะแบตเตอรี่ มีส่วนประกอบหลัก คือ น้ำกรดที่มีคุณสมบัติเป็นตัวการกัดกร่อนพื้นผิว ซึ่งขณะที่แบตเตอรี่กำลังทำงานจะเกิดก๊าซไฮโดรเจนสะสมในตัวแบตเตอรี่ จึงควรระวังในเรื่องประกายไฟ เพราะอาจเกิดอันตรายระหว่างจัมพ์แบตเตอรี่ได้
เมื่อแบตเตอรี่หมด ให้ปิดสวิตช์กุญแจและอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดของรถ และขอความช่วยเหลือจากรถยนต์ที่มีแบตเตอรี่ เพื่อต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ นำหัวสายพ่วงของสายพ่วงสีแดงซึ่งเป็นสายขั้วบวกมาต่อกับขั้วบวก (+) ของรถยนต์ที่แบตเตอรี่หมด หลังจากนั้นนำหัวต่ออีกข้างต่อเข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่รถยนต์อีกคัน นำหัวสายพ่วงของสายพ่วงสีเขียวหรือสีดำซึ่งเป็นสายขั้วลบมาต่อกับขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่รถยนต์อีกคัน ควรตรวจเช็คให้แน่ใจว่าสายพ่วงต่อแน่นหนา ต่อจากนั้นนำสายหัวต่อที่เหลือต่อเข้ากับส่วนที่เป็นโลหะของเครื่องยนต์ หรือตัวถังรถยนต์ ของรถยนต์ที่แบตเตอรี่หมด โดยควรต่อให้ห่างจากแบตเตอรี่มากที่สุด จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์คันที่แบตเตอรี่มีไฟ ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที แล้วเร่งเครื่องยนต์เล็กน้อยเพื่อให้แบตเตอรี่มีการไหลเวียนของประจุไฟฟ้า หลังจากนั้น เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์คันที่แบตเตอรี่หมด จากนั้นเร่งเครื่องยนต์ประมาณ 1,500 - 2,000 รอบ/นาที เพื่อเช็คดูว่าประจุไฟเข้าหลังจากการชาร์จหรือไม่ ถอดสายพ่วงสีเขียว หรือสายขั้วลบ (-) ออกจากตัวถังรถคันที่แบตเตอรี่หมด และตามด้วยหัวต่อขั้วลบของแบตเตอรี่ที่มีไฟ จากนั้นจึงถอดสายสีแดงหรือสายขั้วบวก (+) จากรถคันที่แบตเตอรี่หมด และถอดหัวสายพ่วงจากแบตเตอรี่ที่มีไฟ ปิดฝาช่องเติมน้ำกลั่นให้ครบทุกช่อง และควรสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือขับรถไปเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คเครื่องยนต์และเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ราคาแบตเตอรี่ ปลอดภัยเวลาจัมพ์แบตเตอรี่ ไม่สตาร์ทเครื่องยนต์ระหว่างต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ เ วลาต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ อย่าสูบบุหรี่หรือทำสิ่งใดๆ และระวังอย่าให้สายพ่วงแบตเตอรี่สัมผัสกัน เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟได้ ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ทั้งขั้วบวกและขั้วลบ โดยใช้น้ำร้อนราดที่ขั้วแบตเตอรี่ทั้ง 2 ขั้ว เพื่อขจัดคราบเกลือที่เกาะติดอยู่ ตรวจเช็คกำลังไฟของแบตเตอรี่ก่อน เพราะแบตเตอรี่ขนาด 6 โวลต์ หรือ 24 โวตล์ ไม่สามารถนำมาพ่วงกับแบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์ได้ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เกิดการระเบิดขึ้นได้
0 Comments
วอร์มแบตเตอรี่รถยนต์ให้อุ่นใจ เครื่องสตาร์ทติดง่าย ฤดูกาลท่องเที่ยวมา ถึง เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนวางแผนเดินทาง ต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม โดยเฉพาะถ้าใครที่เดินทางโดยรถยนต์ เพราะบางครั้งเมื่ออากาศ เย็นลง อาจเกิดปัญหาเครื่องยนต์สตาร์ทติดยาก ทำให้การเดินทางหมดสนุกได้ การวอร์มแบตเตอรี่เครื่องยนต์ เป็นการกระตุ้นการทำงานของเครื่องยนต์ และตรวจเช็คสภาพความพร้อมระบบต่างๆ ของรถยนต์ เพราะเวลาอากาศเย็น ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์จะลดน้อยลง เพราะน้ำมันหล่อลื่นจะเกิดการจับตัวและมีความหนืดมาก ทำให้การขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ช้าลง ถ้าไม่ได้วอร์มแบตเตอรี่เครื่องยนต์อาจทำให้ อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนเกิดการสึกกร่อนได้ง่าย วอร์มแบตให้อุ่น สตาร์ทปลอดภัย ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรเช็คระบบเกียร์ทุกครั้ง สำหรับระบบธรรมดา เกียร์ควรอยู่ในช่องเกียร์ว่าง ส่วนระบบเกียร์อัตโนมัติควรอยู่ที่ N หรือ P จากนั้นดึงเบรกมือไว้ เพื่อป้องกันการเคลื่อนของรถยนต์ขณะสตาร์ท
ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถยนต์ทั้งหมด เช่น เครื่องปรับอากาศ, เครื่องเสียง และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่ต้องใช้ไฟจากแบตเตอรี่ เพื่อให้แบตเตอรี่มีกำลังไฟที่เพียงพอใน การสตาร์ท บิดกุญแจไปยังตำแหน่ง ON เพื่อเช็คการทำงานของระบบต่างๆ รวมทั้งไฟสัญญาณเตือนบนแผงหน้าปัดทุกครั้ง ถ้าไม่มีสัญญาณไฟเตือน จึงค่อยๆ สตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อวอร์ม เครื่องยนต์และชาร์จประจุไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ การวอร์มเครื่องยนต์ทุกครั้ง ควรหลีกเลี่ยงวิธีการเหยียบคันเร่งหรือเคลื่อนที่รถยนต์ ควรใช้วิธีสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้เครื่องยนต์และอุปกรณ์ยานยนต์ต่างๆ มีอุณหภูมิสูงขึ้น หลีกเลี่ยงการวอร์มเครื่องยนต์ในสถานที่ปิด หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก แบตเตอรี่ ยี่ห้อไหนดี เพราะจะทำให้เกิดการสะสมของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งมีอันตรายต่อร่างกาย ช่วงระยะทาง 1-2 กิโลเมตรแรกในการขับรถยนต์ ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของน้ำมันหล่อลื่น การวอร์มเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ก่อนการขับรถยนต์ เป็นการกระตุ้นหรือเพิ่มอุณหภูมิให้เครื่องยนต์อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน และเป็นการรักษาอุปกรณ์ยานยนต์ไม่ให้เกิดการสึกกร่อนก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้ ควรเช็คระบบการทำงานของเครื่องยนต์ ทั้งระบบไฟส่องทาง, ไฟสัญญาณ ล้อยางและลมยาง หรือส่วนสำคัญส่วนอื่นๆ รวมทั้งแบตเตอรี ก่อนการขับรถทุกครั้งเพื่อความมั่นใจและปลอดภัยตลอดทุกเส้นทาง แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว สาเหตุเกิดจากอะไร แบตเตอรี่รถยนต์ ถือเป็นอะไหล่สิ้นเปลืองอีกชิ้นหนึ่งที่มีความจำเป็น และสำคัญมากๆ ต่อระบบรถยนต์ เพราะหากไม่มีแบตเตอรี่ รถของคุณก็จะสตาร์ทไม่ติด ไปไหนไม่ได้ แถมระบบไฟต่างๆ ก็ไม่สามารถทำงานได้อีกด้วย สำหรับตัวแบตเตอรี่เองก็เหมือนกับชิ้นส่วนอื่นๆ เมื่อใช้งานไปแล้วก็ย่อมมีการเสื่อมสภาพลง แต่หากคุณสามารถชะลอ หรือยืดอายุการใช้งานได้ มันก็คงจะดีไม่น้อย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คุณสามารถทำได้ หากอยากให้แบตเตอรี่อยู่กับรถคุณไปนานๆ แค่ทำตามนี้ ใส่ขั้วแบตเตอรี่ให้แน่น เพื่อทำให้การจ่ายไฟมีประสิทธิภาพเต็มที่ เพราะหากขันขั้วแบตฯ ไม่แน่นพอ การจ่ายไฟก็จะมีปัญหา และทำให้แบตฯ เสื่อมเร็วขึ้น ตรวจดูระดับน้ำกลั่นเป็นประจำ สำหรับรถที่ใช้แบตเตอรี่แบบเปียกที่ต้องเติมน้ำกลั่น ให้เช็กระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง แต่ถ้าไม่อยากตรวจดูบ่อยๆ แนะนำให้ใช้แบตเตอรี่แบบแห้งไปเลย เพื่อตัดปัญหา ตรวจสภาพตัวแบตเตอรี่ หากตัวแบตฯ มีรอยผิดปกติ แตก หรือร้าว มันจะส่งผลให้น้ำกลั่นที่อยู่ภายใน ไหลออกมาทำลายชิ้นส่วนอื่นๆ และยังทำให้เก็บประจุไฟฟ้าไม่ได้อีกด้วย
ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ เนื่องจากแบตฯ ที่ผ่านการใช้งานมาสักระยะ จะเกิดคราบขี้เกลือ เกาะติดที่ขั้ว จึงทำให้กระแสไฟฟ้าจากแบตฯ ไหลผ่านต่อไปยังส่วนอื่นๆ ไม่สะดวก อายุแบตรถยนต์ ให้แก้ไขด้วยการนำน้ำโซดา หรือน้ำร้อนราดลงไปที่ขั้ว จากนั้นใช้แปรงสีฟันเก่าขัดคราบขี้เกลือออกให้หมด แล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง ตรวจสอบระบบไฟชาร์จ หากระบบไฟชาร์จสูงเกินไป จะทำให้น้ำกลั่นระเหยเร็วขึ้น แต่ถ้าระบบไฟชาร์จต่ำเกินไป จะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ สตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติดนั่นเอง แม้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ส่วนใหญ่จะใช้ได้ 1.5 - 2 ปี แต่ก็มีบ้างที่แบตฯ จะเสื่อมเร็ว หรือเสื่อมช้ากว่าปกติ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน แต่ถ้าคุณหมั่นตรวจสอบบ่อยๆ ดูแลรักษาอยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้แบตเตอรี่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และอยู่คู่กับรถของคุณไปอีกนาน แบตเตอรี่รถยนต์ ถือว่ามีความสำคัญกับรถยนต์อย่างมาก เพราะหากไม่มีมันรถของคุณก็จะสตาร์ทไม่ติด และเคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้โดยเฉพาะในหน้าฝน เพราะหากเครื่องดับเนื่องจากเจอฝนตกหนัก หรือลุยน้ำท่วมสูง มันก็คงจะแย่ไม่ใช่น้อย วิธีดูแลแบตเตอรี่ในหน้าฝน แบตเตอรี่ ถือว่ามีความสำคัญกับรถยนต์อย่างมาก เพราะหากไม่มีมันรถของคุณก็จะสตาร์ทไม่ติด และเคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้โดยเฉพาะในหน้าฝน เพราะหากเครื่องดับเนื่องจากเจอฝนตกหนัก หรือลุยน้ำท่วมสูง มันก็คงจะแย่ไม่ใช่น้อย การขับรถลุยจุดที่มีน้ำท่วมสูง คุณควรจะค่อยๆ ขับผ่านไปอย่างช้าๆ พยายามอย่าให้น้ำกระฉอก หรือกระเซ็นเข้าไปภายในห้องเครื่อง เพราะระบบไฟฟ้าต่างๆ เช่น แบตเตอรี่ ไดชาร์จ หรือกล่องฟิวส์ ฯลฯ หากโดนน้ำมากๆ จนเกิดความชื้นขึ้นมา รถของคุณอาจดับกลางถนนได้ หากเลี่ยงได้ควรจะเลี่ยงไปทางอื่นดีกว่า
สำหรับวิธีดูแลแบตเตอรี่ ใน ช่วงหน้าฝนที่คุณต้องทำก็คือ ตรวจดูขั้วแบตเตอรี่ เนื่องจากโลหะ หรือทองแดงที่เป็นตัวนำกระแสไฟฟ้า แบตเตอรี่หมด เมื่อโดนน้ำจะทำให้เกิดขี้เกลือขึ้นมาได้นั่นเอง ซึ่งนอกจากจะทำให้รถสตาร์ทไม่ติดแล้ว มันอาจส่งผลทำให้ระบบไฟช๊อต หรือไฟรั่วได้อีกด้วย วิธีกำจัดขี้เกลือที่ขั้วแบตเตอรี่ สามารถทำได้ง่ายๆ โดยให้คุณเตรียมกระดาษทรายเบอร์กลางๆ หรือแปรงลวด และน้ำสะอาดนิดหน่อย เพื่อเป็นตัวช่วยให้การขัดทำได้ง่ายขึ้น และหลังจากขัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้น้ำผ้าแห้งมาซับน้ำออกให้หมด เสร็จแล้วฉีดสเปรย์ไล่ความชื้นลงไป สุดท้ายจึงค่อยทาจารบีเคลือบไว้บางๆ อีกทีหนึ่ง ที่สำคัญอย่าลืมตรวจดูตาแมว หรือเช็กประจุไฟแบตเตอรี่ด้วย ว่ายังมีพอให้ใช้งานอยู่หรือไม่ รวมไปถึงน้ำกลั่นกับแบตเตอรี่แบบเปียกด้วย ดูว่ามันพร่องไปมากน้อยแค่ไหน และหากแบตฯ ใช้งานมานาน หรือเริ่มเสื่อมแล้ว ให้จัดการเปลี่ยนใหม่ทันที จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง แบตเตอรี่ทรงจัตุรัส รองรับรถยนต์ไฟฟ้า Toyota ผนึกกำลัง Panasonic พัฒนาแบตเตอรี่ทรงจัตุรัส การร่วมทุนครั้งนี้มีเป้าหมายให้บริษัทของญี่ปุ่นกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งมีผลสำคัญต่อการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่ไม่แพง และตามกฎข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดทั่วโลกได้เร่งให้เปลี่ยนไปใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย
แบตเตอรี่ถือเป็นคำตอบสำหรับพลังงานในรถยนต์ไฟฟ้า การเคลื่อนที่ในรูปแบบต่างๆ และอุปกรณ์ประเภทต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยคาดหวังว่าจะบรรลุเป้าหมายในบทบาทเป็นศูนย์กลางให้สังคมเคลื่อนที่ไปข้างหน้า Panasonic เป็นซัปพลายเออร์จัดหาแบตเตอรี่ทรงกระบอกสำหรับ Tesla Motor, Inc. ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ แต่เพียงผู้เดียว แต่กำลังต้องการขยายฐานลูกค้าโดยก้าวสู่การพัฒนา Prismatic Batteries ที่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลายในภาคอุตสาหกรรม และสัปดาห์ที่ผ่านมา Tesla จับมือกับ LG Chem ของเกาหลีใต้ และ CATL ของจีนเพื่อจัดหาแบตเตอรี่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังขยายและแบตเตอรี่กำลังเป็นที่ต้องการ ส่วน Toyota ซึ่งได้บุกเบิกรถยนต์ Prius Hybrid ที่ใช้เชื้อเพลงคู่กับแบตเตอรี่ในปี 1997 มีเป้าหมายที่จะได้ยอดขายครึ่งหนึ่งจากรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2025 และตอนนี้กำลังพัฒนาแบตเตอรี่ทั้งของตัวเองและก้าวสู่การเป็นซัปพลายเออร์รายใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงความขาดแคลนแบตเตอรี่สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า คุณรู้หรือไม่ ในปี 1996 Toyota และ Panasonic เคยร่วมมือกันวิจัยแบตเตอรี่และได้ร่วมทุนก่อตั้งบริษัทเพื่อผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดที่เรียกว่า Primearth EV Energy ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า เมื่อเพื่อนเก่าผนึกกำลังกันตำแหน่งซัปพลายเออร์จัดหาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหญ่ระดับโลกคงอยู่ไม่ไกล และที่สำคัญเมื่อมีซัปพลายเออร์เข้ามาแข่งขันในตลาดจำนวนมากย่อมทำให้ราคาแบตเตอรี่ถูกลง และ ราคารถยนต์ไฟฟ้าไม่แพงเกินเอื้อม |
ArchivesCategories |